เวลาจะซื้อเตียงพับเคยคิดถึงปัญหาเหล่านี้ไหม
- ที่นอน นุ่มซะจน นอนแล้วปวดหลัง นอนแล้วยุบ
- มีรับประกันไหม ที่นอนยุบเคลมได้รึป่าว ทำไมบางที่ 3 เดือน บางที่ 6 เดือน บางที่ 1 ปี
- หลังหมดประกัน ที่นอนยุบ จะเปลี่ยนหรือซ่อมได้ที่ไหน
- ราคาไม่เท่ากัน รู้ได้ยังไงว่าร้านไหนดี
- ฯลฯ
จะซื้อเตียงพับซักตัวนึงให้พ่อแม่ใช้ แต่ใช้แล้วแป๊บเดียวพัง มีปัญหา ก็คงไม่คุ้ม ขณะนี้เตียงพับที่ขายในท้องตลาด มีหลายแบบ และหลายระดับราคา แต่ที่หน้าตาคล้ายกัน รู้ไหมว่าสามารถมีจุดต่างกันมากมาย อยากให้ได้พิจารณาเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจสั่งซื้อ
1.ฟูกที่นอน: ส่วนใหญ่ทำจากฟองน้ำ แต่จุดที่ต่างกัน คือ ความหนาแน่นของฟองน้ำ โดยทั่วไปที่ขายกันจะเป็นความหนาแน่น 32D ซึ่งถือว่าเป็นชนิดความหนาแน่นต่ำ ส่งผลให้ผู้สูงอายุนอนปวดหลังได้ง่าย และใช้ไปจะยุบง่าย วิธีสังเกตว่าเป็นฟองน้ำชนิดความหนาแน่นต่ำ คือ ราคาที่ค่อนข้างถูก และ มีหน้าร้านให้ทดลองสินค้าหรือไม่ เราแนะนำให้ใช้ฟูกที่มีความหนาแน่นสูง 40D (High Density Sponge) เพื่อให้ฟูกแน่น เหมาะกับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ เวลานอนสบาย ไม่ปวดหลัง และยุบยาก
2.ความสูงเตียงพับ: เมื่อกางเตียงความสูงเตียงจากพื้นแต่ละแบบและยี่ห้อจะไม่เท่ากัน เช่น 26 32 40 45 ซม ความสูงเราแนะนำคือที่ 40 ซม เพราะเป็นความสูงที่เมื่อนั่งแล้วเข่าจะตั้งฉากพอดี เหมาะสมกับสรีระร่างกายของเรา การลุกนั่งจะปลอดภัย สุขภาพดีต่อหัวเข่าผู้สูงอายุ ในขณะที่เตี้ยกว่า 40 ซม จะทำให้นั่งเข่างอลุกนั่งลำบาย หรือ สูงกว่า 40 ซม อาจจะทำให้ราคาแพงเกินจำเป็น และมีปัญหาเรื่องการประกอบติดตั้งที่ยุ่งยากกว่าปกติ
3.ความแข็งแรงของโครงเหล็ก: เป็นส่วนที่มองไม่เห็น เว้นแต่คนขายจะยอมแกะถ่ายให้ดู ส่วนนี้ต้องดูเทียบกันว่าโครงตีห่างกันไหม มีการเสริมโครงเหล็กส่วนที่รับน้ำหนักสะโพกรึป่าว ซึ่งเป็นส่วนที่ยุบได้ง่ายที่สุด เพราะรับน้ำหนักมากที่สุด นอกจากนี้คือตะแกรงเหล็กตีถี่และเชื่อมทุกจุดไหม วิธีสังเกตส่วนนี้คือ สามารถขอดูรูปโครงเหล็กเตียงพับจากคนขายได้ และดูน้ำหนักเตียง โดยน้ำหนักที่มาก คือมีการใช้เหล็กมากเช่นกัน จะแข็งแรงกว่า
4.การรับประกันเตียงพับ: มีตั้งแต่ 3 เดือน, 6 เดือน จนถึง 1 ปี แน่นอนว่า 1 ปี จะดีที่สุด แต่ต้องถามรายละเอียดคนขายด้วยว่ามีเงื่อนไขยังไงบ้าง มีรายละเอียดการรับประกันไหม ส่วนที่ต้องดูเป็นพิเศษ คือ ฟูกยุบเคลมได้ไหม ปัญหาหลักที่มักพบบ่อยที่สุดคือ ฟูกยุบแล้วไม่รับเคลมเพราะไม่ใช่ปัญหาจากการผลิต แต่เป็นปัญหาจากการใช้งาน เรื่องนี้ของตรวจสอบกับผู้ขายดีๆ
5.การดูแลหลังการขาย แม้หมดการรับประกันแล้ว: เตียงพับหลายยี่ห้อ ไม่ดูแล และไม่มีสแปร์ขาย ในกรณีที่มีปัญหา โดยเฉพาะฟูก ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ไปนานๆหลายปีสามารถยุบได้ ส่วนนี้ควรถามผู้ขายให้ชัดเจนว่ามีสแปร์พร้อมให้สั่งเปลี่ยนหรือสามารถส่งกลับมาให้ผู้ขายซ่อมได้หรือไม่
6.ด้ามจับเตียงพับ: ด้ามจับจะมีแบบที่พับได้ และแบบพับไม่ได้ แบบพับได้มีข้อดีคือสะดวกไม่ต้องติดตั้ง ไม่ใช้ก็พับลงเก็บง่าย แต่ข้อเสียคือไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ เพราะเวลาผู้สูงอายุลุกนั่งต้องใช้ด้ามจับพยุงตัว ถ้าหากด้ามจับพับเองขณะพยุงตัวจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ และไม่สามารถเลือกตำแหน่งติดได้ ในขณะที่แบบพับไม่ได้ จะแข็งแรงและปลอดภัยกว่า เพราะขันน็อตติดแน่น เลือกจุดติดที่ถนัดได้ และจะติดหรือไม่ติดก็ได้ตามการใช้งาน แต่มีข้อเสียที่ต้องติดตั้งเล็กน้อยซึ่งก็ง่ายมากและทำครั้งแรกแค่ครั้งเดียว
7.ฐานรับน้ำหนักเตียงพับ: เมื่อกางเตียงพับแล้ว ฐานรับน้ำหนักตรงกลางเตียง มี 2 แบบ คือแบบเป็นขาแยกสองข้าง และแบบขายาวเป็นฐานเดียวกัน แนะนำให้ใช้แบบขายาวเป็นฐานเดียวกัน เพราะจะแข็งแรงกว่า และรับน้ำหนักได้เยอะตามหลักวิศวกรรม นอกจากนี้จะมีเรื่องความกว้างของขาเหล็กที่ติดล้อ ควรกว้างอย่างน้อย 7 ซม เนื่องจากหลายที่ต้องการลดต้นทุน จึงลดสเปคให้เหลือแค่ 5.5 ซม ซึ่งจะส่งผลต่อความแข็งแรงและการรับน้ำหนัก
8.หน้าร้าน: น่าจะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดเพราะ เตียงแข็งแรงรึป่าว ฟูกแน่นหรือไม่ ไปลองจับ ลองนั่งนอนดูก็จะรู้เลย เพราะฉะนั้นหลายๆที่ที่ขายเตียงพับมักจะไม่มีหน้าร้านให้ลอง เราควรเช็คว่าจดทะเบียนบริษัทมากี่ปี มีรีวิวเยอะไหม และมีโพสรีวิวต่อเนื่องมากี่ปีแล้ว ข้อมูลเหล่านี้ถามผู้ขาย และดูที่หน้าเผจร้านค้าได้เลย